วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

อานิสงส์การทำบุญ


อานิสงส์การฟังธรรม
......ในพระนครสาวัตถี มีธรรมมิกอุบาสก คนหนึ่งมีธิดาเจ็ดคน ซึ่งทั้งบุตรและธิดาก็ขวนขวายในการให้ทาน มีการถวายสลากยาคู สลากภัตต์ ปักขิกภัตต์ อุโปสถิกภัตต์ อาคันตุกภัตต์ คนละอย่างกัน บุตรธิดาเหล่านั้น จึงได้ชื่อว่าอนุชาตบุตร ด้วยกันทั้งนั้น
ครั้นต่อมาวันหนึ่งธรรมมิกอุบาสก ได้ป่วยเป็นไข้ขึ้น อายุและสังขารก็ถอยลง มีความประสงค์จะฟังธรรมจึงส่งสาส์นไปยังสำนักพระศาสดาขอให้พระองค์จัดส่งภิกษุสักแปดรูปหรือสิบหกรูปพระศาสดาก็ทรงส่งภิกษุไปแล้ว ธรรมมิกอุบาสกก็พูดว่าท่านเจ้าขา การที่เห็นพระผู้เป็นทั้งหลาย ข้าพเจ้าหาได้ยากมาก เพราะข้าพเจ้ามีกำลังน้อย ดังนั้นขอท่านพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย จงสวดพระสูตรหนึ่งเถิด พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายก็สวดพระสูตรสติปัฏฐานให้ธรรมมิกอุบาสกฟังทันใดนั้น รถหกคันประมาณร้อยห้าสิบโยชน์ประดับด้วยเครื่องอลังการครบทุกอย่างเทียมด้วยม้าสินธพ หนึ่งพันได้แล่นมาแต่เทวโลกทั้งหกชั้น พวกเทวดาผู้ประจำรถก็กล่าวกันว่า พวกข้าพเจ้าจักนำไปสู่เทวโลกของพวกข้าพเจ้า ธรรมมิกอุบาสก ไม่ปรารถนาอันตรายแก่การฟังธรรมจึงกล่าวว่ารอก่อนดังนั้นภิกษุทั้งหลายก็พากันนิ่งเสีย ด้วยเข้าใจว่าธรรมมิกอุบาสกบอกให้หยุด บุตรและธิดาก็พากันร้องไห้ว่าบิดาของตน เมื่อก่อนนี้เป็นผู้สนใจการฟังธรรมแต่บัดนี้กลับห้ามไม่ให้ภิกษุสวดด้วย บิดาของเรากลัวตาย ภิกษุทั้งหลายก็พากันกลับสู่สำนักธรรมิกอุบาสก เผลอไปคู่หนึ่ง เมื่อได้สติแล้วถามบุตรว่าเจ้าทั้งหลายค่ำครวญกันทำไม และพระภิกษุไปไหนกันเสียหมดเล่าข้าแต่พ่อ พ่อได้สั่งให้พระภิกษุหยุดสวด แล้วภิกษุทั้งหลายได้กลับไปหมดแล้วพวกฉันมาคิดว่าธรรมดาสัตว์ผู้ไม่กลับความตายย่อมไม่มีพ่อไม่ได้พูดกับพระผู้เป็นเจ้า ถ้าเช่นนั้นพ่อพูดกับใคร พ่อบอกกับเทวดาทั้งหลาย ที่เอารถซึ่งประดับมาหกคัน แต่เทวโลกหกชั้น แล้วหยุดอยู่ในอากาศแล้วบอกพ่อกับเทวดาเหล่านั้นพ่อจึงบอกให้รอก่อน รอก่อน ดังนี้รถอยู่ที่ไหนเล่าพ่อ พวกฉันไม่เห็น
พ่อจึงถามว่า "ดอกไม้ที่ร้อยเป็นพวงมีบ้างไหม" ลูก "มีพ่อ" พ่อ "เทวโลกชั้นไหนน่ารื่นรมย์ "ลูก"ดุสิตพิภพ ซึ่งเป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ทุก ๆ พระองค์ น่ารื่นรมย์พ่อ"
ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงอธิษฐานว่า ขอพวงดอกไม้จงคล้องอยู่ที่รถมาแต่ดุสิตพิภพ แล้วโยนพวงดอกไม้ขึ้นไปบุตรทั้งหลายโยนดอกไม้ขึ้นไป พวงดอกไม้ก็คล้องอยู่ที่งอนรถห้อยอยู่ในอากาศ มหาชนเห็นพวงดอกไม้นั้นแต่ไม่เห็นรถ อุบาสกพูดว่าพวกเจ้าเห็นดอกไม้อยู่ในอากาศแล้วมิใช่หรือ บุตรธิดาทั้งหลายบอกว่าเห็นแล้วจึงบอกว่านั่นแหละ พวงดอกไม้ได้แขวนอยู่ที่รถชั้นดุสิตพ่อจะไปสู่ดุสิตพิภพ พวกเจ้าอย่าตกใจไปเลย เมื่อต้องการจะไปบังเกิดในสำนักเดียวกับพ่อ ก็จงทำบุญให้ทานรักษาศีลแล้วฟังธรรมตามโอกาสเวลาสมัย ดังที่เราได้ทำไว้แล้วนั่นแหละครั้นแล้วธรรมมิกอุบาสก ก็ทำกาลกิริยาตายไป ไปประดิษฐานอยู่ในรถที่มาแต่ชั้นดุสิตพิภพ มีนางเทพอัปสรพันหนึ่ง แวดล้อมวิมานแก้ว ประมาณยี่สิบห้าโยชน์ได้ปรากฏคอยรอรับธรรมมิกอุบาสกนั้น

**********************************

อานิสงส์สังฆทาน
......การถวายอาหารบิณฑบาตแก่ภิกษุสงฆ์ให้แก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่ได้พร้อมในกันนำอาหารบิณฑบาตพร้อมด้วยเครื่องบริวารทั้งหลายมาถวายในท่ามกลางสงฆ์มิได้จำเพาะเจาะจงแก่พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งก็หามิได้อย่างนี้เรียกว่าสังฆทานอีกอย่างหนึ่งเรียกว่าถวายทานเจาะจงบุคลิก รูปนั้น รูปนี้ อย่างนี้เรียกว่า ปาฏิบุคลิกทาน จึงจัดเป็น ๒ ประเภทดังที่ได้แสดงมาแล้วนั้นการถวายทานนั้น ถ้าถวายเป็นสังฆทานมีผลาสิสงส์มากกว่าบุคลิกทาน
จากดังจะเห็นจากพระสิวลีเถระผู้มีลาภมาก จนได้รับเป็นเอตทัคคะ จากพระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้เลิศด้วยลาภจะไปทางไหน ก็มีแต่อดิเรกลาภ เหลือหลาย บริบูรณ์ ก็เพราะท่านได้ถวายทานมาแต่ในชาติปางก่อน ชาตินี้ท่านก็มีความสุขกายสบายใจไม่เดือดร้อนอดอยาก ความพิสดารว่าในสมัยหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้าสิวลีได้เกิดเป็นบุตรของเศรษฐี เมื่อเจริญวัยขึ้นมาก็มีจิตศรัทธาเลื่อมใสได้ให้ทานแก่พระปัจเจกโพธิวันละองค์ ๆ ครั้นต่อมาได้รับสมบัติแทนบิดา เป็นเศรษฐีก็ถวายทานแก่พระปัจเจกโพธิขึ้นอีกรวมเป็น ๗ องค์ ต่อวัน ตลอดมากระทำอยู่ดังนี้จนสิ้นชีพ ก็ได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นยามามีวิมานสูง ๓๐ โยชน์ มีนางฟ้าเทพอัปสรหนึ่งหมื่นเป็นบริวาร เสวยสุขทิพย์สมบัติในชั้นยามาประมาณโกฏิปีในเมืองมนุษย์ ครั้นถึงศาสนาของสมเด็จพระพุทธเจ้าของเราทุกวันนี้จึงจุติมาถือกำเนิดในตระกูลเจ้าศากยะ บริบูรณ์โภคสมบัติยิ่งนัก ครั้นเจริญวัยขั้นมาก็ออกบวชต่อพระพุทธเจ้า ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ มีชื่อว่าพระสิวลีเถระ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายที่มีลาภมาก พระเถระจะไปสู่สถานที่ใดเทวดามนุษย์ทั้งหลายย่อมสักการบูชาด้วยเครื่องไทยทานอย่างมากมายแม้บริวารของท่านก็พลอยบริบูรณ์พูนสุขไปด้วยดังนี้ ก็เพราะอานิสงส์แห่งการถวายทานให้เป็น